การระงับเวรภัยในอดีต
ธรรมะบรรยายโดย หลวงพ่อเสือ
ท่านกล่าวว่า “พื้นแผ่นดิน แม่น้ำ ภูเขาที่มีอยู่ตามธรรมชาติ คนเรามีปัญญาถมแม่น้ำ ทำลายภูเขาแล้วสามารถนำมาทำถนนได้ ถนนหรือดินก็สามารถทำให้เป็นลำคลองได้ มีสองฝั่งคลองแล้วก็ยังมีความสามารถสร้างสะพานข้ามแม่น้ำใหญ่ๆ ได้ นอกจากนั้นยังสร้างทำนบกั้นน้ำ เขื่อนต่างๆ สามารถใช้ปัญญาสร้างได้ ความสามารถนั้นจึงมีอยู่”
ก็ลองหันกลับมาดูชีวิต ทุกคนมีความขรุขระของชีวิต ไม่มีใครราบเรียบเหมือนโรยด้วยกลีบกุหลาบ ชีวิตจึงขรุขระ เมื่อยังเล็กก็ล้มกลิ้ง มีแม่ช่วย เมื่อโตขึ้นมาก็มีวิบากทั้งร้ายและดี มีคนชอบคนชัง ตั้งแต่จำความได้มักจะจำแต่เรื่องความลำบากตลอด ลองหลับตาดูซิ จุดจบมีเมื่อไหร่ พูดถึงงานภายนอกนะ เช่น มีบ้าน ๑ หลังก็ต้องดูแลไปตลอดชีวิต เป็นต้น และงานชีวิตนี้ต้องหายใจ ต้องกินสารพัด ไปจนสิ้นลมหายใจ ทุกคนเป็นเหมือนกันหมด ไม่ว่าผู้ดีหรือไพร่
ชีวิตของเราแต่ละคน เกิดมามีความขรุขระเหมือนแผ่นดินที่ยังไม่มีถนนคอนกรีตต้องเดินไปบนลูกรัง ความขรุขระของชีวิตมาจากอะไร ก็มาจากกรรมเก่า และกรรมเก่าเราทำมาอย่างไรเราก็ไม่รู้ เมื่อไม่เรียน เราก็ไม่รู้ ดังนั้น ความขรุขระมากน้อยต่างกันของแต่ละชีวิต เพราะกรรมเก่าทำมาไม่เท่ากัน และเรามีกรรมเป็นของๆ ตน มีกรรมเป็นทายาท มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ กรรมเก่าก็เปรียบเหมือนแผ่นดินตามที่มีอยู่ตามธรรมชาติที่ยังไม่มีการดูแลตกแต่ง แต่เราสามารถประกอบกรรมปัจจุบันปรับปรุงสกัดกั้นกรรมเก่าได้ เหมือนอย่างที่เราสร้างเขื่อน สร้างทำนบ เพราะเรามีปัญญานั่นเอง
อันที่จริงความสุขและความทุกข์ ท่านบอกว่าเป็นเหมือนอุทกภัย ถ้ามีเกราะมีที่พึ่งใจ เราก็ไม่เดือดร้อน จึงต้องทำใจให้เป็นเกราะ เป็นที่พึ่งของตนเอง คนมีบุญก็มีเกราะใจดีหน่อย เพราะได้สร้างสมมาแล้ว และสร้างสมกรรมดีต่อไป ฉะนั้น ใครก็แล้วแต่ที่ทำดีอยู่เสมอๆ รู้ว่ากรรมของเราโดยส่วนมากเป็นกรรมดีอยู่เสมอมีศีล มีสัตย์ มีเบญจศีล เบญจธรรม หิริโอตตัปปะ มีทานเกิดขึ้นอยู่เนืองๆ ตลอดชีวิต มากบ้าง น้อยบ้าง ก็มั่นใจได้ว่าเรามีเกราะป้องกันที่ค่อนข้างแข็งแรง
แล้วเราต้องอาศัยคุณธรรมของพื้นฐานมนุษย์คือ เบญจศีล เบญจธรรม และเรียนให้รู้ ดูให้จำ ทำให้ได้ว่า บุญที่ดีกว่านี้มีอะไรบ้าง ก็ทำต่อไป อย่างนี้จัดว่าเป็นคนมีปัญญา ก็ไม่ต้องกลัวกรรมชั่วในอดีต เพราะอะไร? เพราะอดีตเราทำมาเอง ไม่มีใครทำให้เรารวยได้ เราทำทานมา มีเหตุปัจจัยนิดหนึ่งมากระตุกก็ไหลมาแล้ว
|