ส่วนอีก ๒ วัน กุศลจิตเกิดกับการมาศึกษาความจริง เมื่อเหตุปัจจัยพร้อม เราก็จะได้ปฏิบัติถูก เท่ากับว่าเรากำลังสร้างอำนาจ สร้างฐานธรรม ซึ่งสิ่งนี้เองจะอุปถัมป์ให้เราได้ไปอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี และเจริญเติบโตไปด้วยพระธรรม
พยายามนะลูก หมั่นระลึกว่า วันนี้ทำอะไร มีอะไรเกิดขึ้น เอาธรรมะเข้าไปส่อง อย่างเช่นวันนี้โกรธ ต้องรู้สภาวธรรมมีอะไรเกิดขึ้น (ไม่ใช่รู้เรื่องราว) ดีหรือชั่ว ใครเป็นผู้ได้รับ เป็นการบอกตนเอง ถ้าดีก็ทำต่อ ถ้าไม่ดีก็ตั้งใจว่าจะไม่ทำ ...พระอริยบุคคลท่านก็พัฒนามาจากความรู้ถูก ลูกต้องพยายามให้กำลังใจตนเอง ชีวิตแต่ละคนมีเวลาเท่ากัน แค่ความคิดคือปัญญามีไม่เท่ากัน เราต้องพัฒนาความคิด และสติปัญญา หมั่นทำไป ระลึกไป แล้วจิตใจจะเบิกบาน
ในขณะที่ลูกศิษย์บางคนตั้งคำถามว่า ...เรียนมาแล้วรู้ว่าสิ่งใดดี สิ่งใดไม่ดี มีความตั้งใจจะทำความดีหนีจากสภาพแวดล้อมที่เป็นอกุศล และพยายามสร้างอำนาจใจโดยการอธิษฐานต่อรูปหลวงพ่อ แต่แล้วเมื่อถึงเวลากลับไม่สามารถเอาชนะใจตนเองได้ ทำให้เกิดความรู้สึกว่าตนเองแย่มากๆ ต้องทำผิดซ้ำๆ ซากๆ แล้วชีวิตก็ต้องจมปลักอยู่กับกิเลสเหมือนเดิม ควรแก้ไขตนเองอย่างไรดี
(คำตอบของหลวงพ่อนั้นทำให้พวกเรารู้ตัวว่าที่ผ่านๆมา เราคิดผิด ใช้ชีวิตผิด....) ท่านตอบว่า เรื่องนี้การอยู่ในสิ่งแวดล้อม การที่เราไม่เลือกสังคม เป็นส่วนสำคัญ ก่อนอื่นเราต้องยอมรับว่าจิตคนเรานี้ห้ามยาก แล้วพอเรามาเรียนธรรมะ รู้ว่าสิ่งใดดี สิ่งใดเลว แต่คนเราชอบโหดร้ายกับตนเองและทำชีวิตตนเองให้ต้องเผชิญกับความทุกข์ ทำให้ต้องมีชาติ ชรา มรณะ อย่างไม่มีที่สิ้นสุด พระพุทธเจ้าอุบัติมากี่พระองค์แล้ว โปรดสัตว์ไปมากเท่าไรแล้ว แต่เพราะเราโหดร้ายกับตนเอง เราจึงยังมีชีวิตอยู่ ทั้งๆที่การมาเรียนพระอภิธรรม เท่ากับว่าเรามีสปอร์ทไลท์ แต่เรากลับส่องไปทางทิศเดียว มิหนำซ้ำเป็นทิศที่ส่องไปทางที่ผิดเท่านั้น ประกอบกับพวกเราชอบย้ำคิดย้ำทำ ความจำดีมีแต่เรื่องอกุศล ก่อนหน้านี้พ่อเคยสอนลูกทุกคนว่า ดูดี มาใช้ ดูชั่วมาละ แต่ตอนนี้พ่อไม่สอนอย่างนั้นแล้ว แต่จะสอนว่าให้ลูกทำตัวให้เหมือนฟองน้ำดูดซับน้ำ แต่ต้องเป็นฟองน้ำที่มีประสิทธิภาพรู้ว่าสิ่งใดควรดูดซับเก็บไว้ สิ่งใดควรจะบีบออก
ประการสำคัญลูกต้องหัดให้เกียรติแก่ตนเอง (หัดคิดเสียใหม่) ...คนเราเกิดมามีคุณค่า และมีคุณภาพ ที่เรารู้ว่า วันนี้เราไม่ดี เราก็ต้องบอกว่า ขอความรู้ที่เกิดขึ้นตอนนี้จงมาสกัดกั้นให้เราไม่เดินไปในเส้นทางเก่า(อกุศลนั้น)อีก ต้องพยายามเอาใจออกไปจากเรื่องราวร้ายๆ นั้น จงจำไว้ว่า ไม่มีใครทำอะไรครั้งเดียวได้สำเร็จ
พอเรียนมาว่า โทสะไม่ดี ไม่เอาเราจะไม่ทำแล้ว ไม่มีแล้ว เป็นไปไม่ได้ เราต้องค่อยๆ ทำ เหมือนค่อยๆ ขึ้นบันได แล้วลูกต้องอย่าลืมว่า ผิดใหม่ไม่เหมือนผิดเก่า พ่อเคยบอกแล้วว่าทุกอย่างไม่มีอะไรที่เหมือนเดิม และเหมือนกัน เพียงแต่ให้รู้ว่านั่นเป็นกิเลส แล้วพยายามหลีกจากการยุ่งไม่เข้าเรื่อง หลีกแล้วก็ลด เมื่อรู้ว่าที่ตรงไหน อะไรที่ทำให้เราเป็นภูมิแพ้ เราก็ลดตรงนั้น ลดในสิ่งที่ตนเองแพ้ หัดหักห้ามใจตนเองก่อนไป ค่อยๆ ทำ เราถึงจะเลิกได้
|